เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๙ ก.ย. ๒๕๖๑

เทศน์เช้า วันที่ ๙ กันยายน ๒๕๖๑

พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

 

ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

ตั้งใจฟังธรรม ตั้งใจฟังธรรมนะ วันนี้วันพระ วันพระ พระเป็นผู้ประเสริฐ ประเสริฐจากข้างนอก ประเสริฐจากข้างใน เวลาถ้ามีรูปพระอยู่ที่ไหน ใครจะไม่ก้าวล่วง เพราะเขาเคารพบูชาของเขา

เวลาทางโลกถ้าทำบุญกุศลกันเขาเรี่ยไรหล่อพระๆ หล่อพระ ถ้าหล่อพระ ถ้าปั้นไม่สวย ปั้นไม่ดีงาม หล่อออกมามันก็ไม่สวย เวลาถ้าหล่อพระให้สวย หล่อให้ดีงาม เวลาหล่อพระเขาไม่ให้ใครไปทำให้คนปั้นเสียอารมณ์ ไม่ทำให้คนปั้นเสียสมาธิ เขาจะปั้นพระให้เขาสวยงาม ถ้าสวยงามขึ้นมา หล่อพระ หล่อพระได้บุญกุศลมาก

แต่กรรมฐานของเราหล่อพระในใจ หล่อพระในใจ พระที่กินข้าวได้นี่ เวลาไปวัดไปวาขอพระห้อยคอๆ แล้วองค์นี้ไม่เอาหรือ เอ็งต้องเลี้ยงกูด้วยนะ พระที่กินข้าวได้ นี่ไง พระข้างนอก พระข้างใน

แล้วในบ้านเรา พ่อแม่เป็นพระอรหันต์ของลูกๆ เราได้ชีวิตนี้มา ได้ชีวิตนี้มาจากพ่อจากแม่ พ่อแม่ให้ชีวิตนี้มา ชีวิตนี้มีค่ามาก ถ้าชีวิตนี้มีค่ามาก เราจะสูงจะต่ำแค่ไหน ชีวิตนี้เพราะเราได้จากพ่อแม่นี้มา เวลาคนจะมีอำนาจมีตำแหน่งหน้าที่การงานสูงขนาดไหน เวลาเข้าบ้านแม่เรียกคุณหนูๆ เลยล่ะ ยศถาบรรดาศักดิ์ถอดไว้ข้างนอก เข้าบ้านมาคือลูกคือแม่ ถ้าลูกแม่ เห็นไหม

นี่ก็เหมือนกัน เราก็เหมือนกัน พระอรหันต์ของลูกๆ พ่อแม่ของเราให้ชีวิตนี้มา ให้ชีวิตนี้มา อบรมบ่มเพาะมาให้เรามีการศึกษามา การศึกษามา เราทำหน้าที่การงานของเรา เราประสบความสำเร็จมา สิ่งต่างๆ เพราะมีเราๆ มันถึงมียศถาบรรดาศักดิ์ มันถึงมีข้าวของเงินทองใช่ไหม ถ้ามันมีข้าวของเงินทอง นี่ไง ถ้าข้าวของเงินทอง เวลาจะหล่อพระๆ หล่อพระในหัวใจนี้

ถ้าหล่อพระในหัวใจ เห็นไหม เวลาบิณฑบาต ถ้าใครมีน้ำใสใจจริงเขาใส่ด้วยน้ำใสใจจริง มันไม่มีมารยาสาไถย ถ้ามารยาสาไถย สิ่งที่ด้วยความเป็นมารยาด้วยความสาไถย ทุกคนไปวัดไปวาก็อยากได้บุญกุศลทั้งนั้นน่ะ เพราะบุญกุศลขึ้นมา จะหล่อพระ หล่อพระในหัวใจของตน จะหล่อพระอย่างไรให้มันสมควรดีงามขึ้นมา ถ้ามันสมควรดีงามขึ้นมา องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเวลาหล่อพระไง ศีล สมาธิ ปัญญาไง เอาชนะกิเลสตัณหาความทะยานอยากในใจของตนไง

ถ้าเอาชนะกิเลสตัณหาความทะยานอยากในใจของตน เห็นไหม เวลาครูบาอาจารย์เราท่านบรรลุธรรมนะ เวลากราบองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า กราบองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วยหัวใจนะ เวลากราบองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วยหัวใจ

เวลาเราไปวัดไปวาต้องให้สงบเรียบร้อย ต้องให้ดีงาม แล้วกิเลสมันสงบกับเอ็งไหม เวลาจะต่อสู้กับมัน อดนอนผ่อนอาหาร เวลาเผชิญหน้ากับมันน่ะ ไม่เคยเผชิญหน้ากับกิเลสเลย อ้างอิงธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามานั่นทฤษฎีทั้งนั้น นั่นเป็นธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งนั้น สิ่งที่เป็นธรรมๆ เป็นธรรมแท้ๆ ทั้งนั้น แต่ของเราเป็นมารยาทั้งนั้น ผู้ที่อ้างอิงเป็นมารยาสาไถยทั้งหมด ความเป็นมารยาสาไถย มารยาสาไถยเพราะเอ็งไม่เผชิญความจริงไง ถ้าเอ็งเผชิญความจริง เห็นไหม

เวลาเขาไปหล่อพระ อู้ฮู! โฆษณาเลยนะ หล่อพระนะยิ่งใหญ่ สวยงาม เรียบร้อย มีคุณธรรม บุญกุศลมหาศาลเลย แล้วเวลาหล่อพระในใจล่ะ เวลาเอ็งจะนั่งสมาธิล่ะ เอ็งนั่งสมาธิเพื่อหัวใจของเอ็ง ถ้าหัวใจของเอ็ง นี่เราหล่อพระของเรา

มีคนภาวนามากมายนะ เวลาจิตสงบแล้วเห็นพระพุทธรูปลอยมา เห็นพระพุทธรูปในหัวใจ โอ้โฮ! มันเป็นทองคำแบบแก้ว มันแวววาวไปหมดเลย...ไอ้นี่แค่เห็น เห็นนิมิต เห็นนิมิตเห็นรูปพระ ยังไม่ได้เป็นพระความจริงในใจของตน ถ้าเป็นพระความจริงในใจของตนที่มันเป็นขึ้นมาในหัวใจน่ะ เวลามันสว่าง มันสงบ มันระงับ

เวลาประพฤติปฏิบัติขึ้นมาเพื่อละชั่ว ทำดี ละชั่ว ทำดีมันก็มีนอกมีใน มีนอกคือโลกๆ นี่ไง ทุกคนเวลายืนยันขึ้นมา ทางวิทยาศาสตร์ ทางการแพทย์ คนเราต้องมีปัจจัยเครื่องอาศัย แล้วถ้าเราแสวงหาเพื่อปัจจัยมันผิดตรงไหน

มันไม่ผิดหรอกถ้ามันมาด้วยสัจจะด้วยความจริง ด้วยความสุจริต นี่สิ่งที่เป็นธรรมๆ เพราะคนเราเกิดมาเกิดจากกรรม คนเราเกิดมาเกิดจากการกระทำของตนทั้งนั้น เวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะเราได้ทำของเรามาทั้งนั้น เวลาทำขึ้นมามันเกิดจากพ่อจากแม่ ถ้าเกิดจากพ่อใช่ไหม คนเราเกิดมาบุญกุศลมันไม่เท่ากัน เราเกิดมาจากครอบครัวเดียวกัน เป็นญาติพี่น้องเหมือนกัน โอกาสของคนยังไม่เท่ากัน เห็นไหม

นี่ก็เหมือนกัน คนที่ประพฤติปฏิบัติ คนที่ทำหน้าที่การงานเขาประสบความสำเร็จของเขามันก็บุญกุศลของเขา เวลาเป็นบุญกุศลของเขา เขามียศถาบรรดาศักดิ์สูงส่งขนาดนั้น ทำไมเขาบีบบี้สีไฟราษฎรล่ะ

นี่ไง เวลาบุญกุศล บุญกุศลมันก็เป็นบุญกุศล เวลาถ้ามันมาด้วยบุญกุศล ได้อำนาจวาสนา ถ้ามันได้อำนาจวาสนามา คนที่มีอำนาจวาสนาขนาดนั้นมันก็ต้องมีน้ำใจกับคน มันก็ต้องมีความเห็นใจกับคน คนที่มีอำนาจวาสนาขนาดนั้นทำไมมันไปบีบบี้สีไฟคน

นี่ไง เราบอกสิ่งที่มันได้มา ได้มาด้วยความสุจริต ได้มาด้วยความสุจริตขึ้นมา ได้ด้วยบุญกุศล ด้วยบุญกุศล กรรม เราเกิดมาจากกรรมการกระทำของเรา ถ้าเราทำของเรา เรามีอำนาจวาสนาของเรา เราได้เกิดมาด้วยบุญกุศลของเรา ถ้าบุญกุศลของเรา มันเป็นอดีตอนาคต เวลาคนที่ภาวนา ภาวนาแล้วมันติดขัด ภาวนาแล้วมันยากแค้นมีแต่ความทุกข์ความยาก บอกเราก็ตั้งใจภาวนาๆ

เวลาตั้งใจภาวนามันเป็นปัจจุบัน แต่สิ่งที่ได้มานี่คือโอกาส โอกาส อำนาจวาสนาคือโอกาสของคน โอกาสของคนมันมาไม่เท่ากันหรอก สิ่งที่มันมาไม่เท่ากันเพราะอะไร เพราะคนมันสร้างมาไม่เหมือนกันไง ทีนี้สร้างมาไม่เหมือนกัน เห็นไหม เพราะเราเชื่อเวรเชื่อกรรมอย่างนั้น นี่ไง จะหล่อพระๆ ไง นี่มันเรื่องภายนอกไง รูปปั้นภายนอก รูปแบบภายนอกที่มันจะเข้ามาสู่ภายในไง ในเมื่อกรอบรูปอันนี้ แบบที่มันไม่เหมือนกัน แบบที่มันบิดเบี้ยว แบบที่มันสมบูรณ์ แบบที่มันเป็นประโยชน์ แบบของใคร แล้วเราเรียกร้องเอาอะไร

เราตั้งใจของเราๆ เห็นไหม เราเกิดมาเป็นมนุษย์เกิดมาพบพระพุทธศาสนา สิ่งที่พบพระพุทธศาสนา สิ่งที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์นี่อริยทรัพย์ เพราะเกิดเป็นมนุษย์ มนุษย์มีกฎหมายคุ้มครองดูแล เรามีโอกาสมีการกระทำของเรา

เรื่องภายนอกคือเรื่องภายนอก เรื่องภายนอกถ้ามันเป็นอำนาจวาสนาของเรา เราทำแล้ว เราจะบอกว่า ถ้ามันเป็นบุญกุศล ถ้ามันได้มาด้วยบุญกุศล ด้วยความบริสุทธิ์ใจอันนั้นมันไม่ผิด แต่ถ้ามันไม่ใช่ ไปแย่งชิง ไปฉกฉวยเขามา นั่นผิด แสดงว่าอย่างนั้นเราต้องเป็นคนจนหมดเลยเนาะ ถ้ามีสมบัติเป็นคนเลว...ไม่ใช่

มีสมบัติหรือไม่มีสมบัติมันอยู่ที่สุจริตหรือทุจริต ความมาด้วยความสุจริตหรือทุจริต แล้วพอเวลาจะมาประพฤติปฏิบัติขึ้นมา เพราะความสุจริตนั้นต้องจิตใจกล้าหาญ กล้าหาญในจริยธรรม คนที่จะรักษาความสุจริตได้ต้องจิตใจที่กล้าหาญ กล้าหาญกับความต้องการของตน กล้าหาญกับหัวใจของตนที่มันเรียกร้อง

คนยังไม่มีโอกาส ยังไม่มีการกระทำก็บอกว่าเป็นคนดีๆๆ แต่เวลามันมีโอกาสขึ้นมา นี่ถ้าคนเป็นความสุจริตเขามีความกล้าหาญ กล้าหาญในหัวใจของเขา เขามีความกล้าหาญที่เอาชนะข่มความอยากในใจของเขา เขามีความกล้าหาญอย่างนั้นถ้าเขาทำด้วยบุญกุศล สิ่งนั้นถึงว่าเป็นประโยชน์ๆ ไง

ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าประเสริฐที่สุด ถ้าธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าประเสริฐที่สุด เราศึกษาๆ มา ศึกษาโดยทฤษฎีไง เวลาจะพูดนะ “มันเป็นอนัตตา มันเป็นเช่นนั้นเอง” แต่กูจะเอา มันพูดบอกเขา มันพูดสอนเขา แต่หัวใจมันทำเป็นความจริงอย่างนั้นหรือไม่

ถ้าเป็นความจริง เห็นไหม ถ้าเป็นความจริง หลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่นท่านอยู่ในป่าในเขาของท่าน ความจริงมันพิสูจน์กันในหัวใจนี้ไง ความจริงมันพิสูจน์กับหัวใจของเรานี่ ไม่ต้องให้ประชาชน ไม่ต้องให้ใครมารับทราบ ไม่เกี่ยว นั่นมันมาทีหลัง ความจริงๆ มันการเผชิญความจริงในใจเรานี่ ในหัวใจของเราน่ะ เราเข้าไปสู่โคนไม้ เรือนว่าง ที่ไหนก็แล้วแต่ ความจริงที่นั่น แล้วความจริงที่นั่นนะ จะไปกรรมฐาน ๓๐ วัน ๔๐ วัน โฆษณาชวนเชื่อกัน เอ็งทำคุณงามความดีต้องขึ้นป้ายด้วยหรือ ถ้าเอ็งขึ้นป้ายเอ็งก็หวังผลข้างนอกน่ะสิ

นี่หล่อพระๆ ถ้าความหล่อพระ ครูบาอาจารย์ของเราเข้าป่าเข้าเขาไป เวลาออกจากป่ามา “นี่พระกรรมฐานองค์สุดท้าย องค์สุดท้าย” เอ็งจะมาหลอกเขาน่ะ เวลาเขามา เขามาด้วยสัจจะด้วยความจริงของเขานะ

วันพระ ถ้าประเสริฐ ประเสริฐข้างนอกก็เรื่องหนึ่ง ประเสริฐข้างนอก เห็นไหม อำนาจวาสนาของคนมันไม่เท่ากันนะ อำนาจวาสนาของคนไม่เท่ากัน สิ่งที่อำนาจวาสนาของคนเกิดขึ้นมาแล้วเรามีสติปัญญาขึ้นมา แล้วในปัจจุบันนี้เราจะทำสิ่งใดต่อเนื่องไป แล้วทำต่อเนื่องไป เห็นไหม

ในประเพณีวัฒนธรรมของชาวพุทธนะ ผู้ที่เกิดมาในพระพุทธศาสนานะ ถ้าไม่ได้บวชเรียน เหยียบแผ่นดินผิด การเกิดมาน่ะ การเกิดมาได้เหยียบแผ่นดินนี้ แผ่นดินของพุทธะ แผ่นดินของศาสนาพุทธ แล้วเอ็งได้ประโยชน์อะไร ไปทำบุญที่วัดใช่ไหม ไม่อยากจะพูดว่ามาให้พระด่า

ไม่ใช่ มันไม่ได้ด่าใคร มันด่ากิเลสตัณหาความทะยานอยาก เพราะอะไร เพราะหลวงปู่มั่นเวลาท่านเทศน์ที่เจดีย์หลวง เจ้าคุณอุบาลีฯ บอกเทศน์มุตโตทัย เทศน์เรื่องมุตโตทัย มุตโตทัยคือหัวใจของมนุษย์ไง หัวใจของเรานี่แหละ พูดเรื่องของเรานี่แหละ แต่เราไม่รู้ หลวงปู่มั่นท่านพูดก็พูดเรื่องเรานี่ เรื่องความเป็นอยู่ของเรา เรื่องอารมณ์ความรู้สึกของเรา เรื่องความทุกข์ความยากในใจของเรา นี่ของเรา ของเราทั้งนั้น แต่เวลาฟังนะ ไม่ใช่ ฉันมีความสุข นั่นเรื่องของคนอื่น มันผลักออก เห็นไหม แต่ถ้าเป็นความจริงมันจะเข้ามา

นี่มันหล่อไม่ได้เลย พระมันหล่อไม่ได้เลย แบบมันรั่ว แบบมันไม่สามารถที่จะหล่อพระขึ้นมาได้ ถ้าแบบมันจะหล่อพระขึ้นมาได้ เก็บเล็กผสมน้อยนะ ที่ไหนรั่วก็แปะ ที่ไหนรั่วก็ซ่อม ที่ไหนรั่วก็ดูแล นิสัยเราเป็นอย่างไร เรามีความทุกข์ความยากอย่างไร เราก็วางของเรา เรามีศีลของเรา ใครจะว่าเราโง่ เราไม่ทันคน เราทัน เราทันคนข้างนอกด้วย แล้วเราทันกิเลสในใจของเราด้วย ว่าทำสิ่งนี้ไปแล้วมันจะเกิดเวรเกิดกรรม มันไม่ควรทำ เห็นไหม เราทัน แต่เวลาคนนอกเขาว่ามันโง่ๆ มันไม่ทันคน

ทัน ทันคน นี่ไง คำว่า แพ้เป็นพระ แพ้เป็นพระมันทันคน ทันด้วยสติด้วยปัญญา ไม่ได้ทันคนด้วยความเซ่อ ในสมัยปัจจุบันนี้หล่อกันไปเป็นกระแสไปเลยนะ เชื่อกันไปหมดเลย นั่นน่ะโง่ นั่นน่ะโง่จริงๆ

แต่ถ้าเราทันหัวใจของเรานะ โง่เพราะอะไร ของเราที่ว่าเขาว่าเราเป็นคนไม่ทันคนเพราะเราไม่ได้ผลประโยชน์ ไม่ได้อย่างที่เขาคิด อย่างที่ต้องการ แต่เราเป็นจิตใจที่กล้าหาญ จิตใจที่เข้มแข็ง จิตใจที่เท่าทันความคิดของตน สิ่งที่ได้มานะ ได้มา สิ่งที่ได้มา สรรพสิ่งในโลกนี้เป็นอนิจจัง เราจะได้สิ่งใดมาก็แล้วแต่ เขาต้องพลัดพรากจากเราหรือเราต้องพลัดพรากจากเขาแน่นอน ได้เงินได้ทองมาเราต้องจับจ่ายใช้สอยไปทั้งสิ้น สิ่งใดที่ได้มาแล้วมันต้องพลัดพรากกันไปแน่นอน มันเป็นของชั่วคราวทั้งนั้น แต่บาปและบุญมันฝังไปกับใจ สิ่งที่เราทำแล้วมันอยู่กับเราตลอดไป จนกว่า เห็นไหม

เวลาเราพูดถึงว่าพระโมคคัลลานะเคยฆ่าพ่อฆ่าแม่ มีคนเขียนมาถามเลย อู้ฮู! คนฆ่าพ่อฆ่าแม่อย่างนั้นมาเกิดเป็นอัครสาวกเบื้องซ้ายได้อย่างไร

นี่ไง เวลามันคิดมันก็คิดไปชาติปัจจุบันไง ประวัติของพระโมคคัลลานะท่านเป็นลูกชายคนเดียว แม่ของท่านพยายามอยากให้ท่านมีครอบครัว ท่านก็รักแม่มาก รักแม่มากๆ ไม่อยากมีครอบครัว ไม่อยากมีอะไร ไม่อยากมีผู้หญิงใดเข้ามาวุ่นวายเลย อยากจะอยู่กับแม่เท่านั้น แต่แม่ก็รักลูกมาก พยายามจะหาลูกสาวให้อย่างดี พอไปหาลูกสาวให้อย่างดีนะ ได้ลูกสาวมา ลูกสาวก็เป็นคนดีนะ

เวลาพระโมคคัลลานะไปทำไร่ อยู่บ้านก็เอาอาหารมาโรย เพราะแม่ตาบอดไง “แม่เป็นคนอย่างนี้ แม่ทำสกปรกอย่างนี้ แม่ทำภาระรุงรังอย่างนี้ แม่ทำให้ต้องวุ่นวายอย่างนี้” เป่าหูทุกวันน่ะ เป่าหูทุกวัน สุดท้ายตัดสินใจเอาแม่ไปเยี่ยมญาติ พอแม่ไป ไปกับแม่ ไปนั่งเกวียนโบราณ ไปถึงวางก่อน บอกว่า “โจรมันมาๆ” เข้าไปในป่า “ไอ้โจรปล้นๆ” แล้วตัวเองก็กระโดดลงไปเอาไม้มาทุบแม่ “ไอ้โจรปล้นๆ” ไอ้นี่แม่รักลูกไง “โอ๋ย! ลูกหนีไปนะ โจรมันปล้น ลูกหนีไปนะ” ไอ้ลูกมันทุบอยู่นั่นน่ะ

ไอ้คำพูดนั้นมันสะเทือนใจมาก ทิ้งไม้เลย กลับไป “ไอ้โจรถอย” ถอยแล้วกลับมา วิ่งมาเอง แม่เพิ่งมาใหม่ แม่เป็นอย่างไร โอ้โฮ! แม่เจ็บป่วยมาก เอากลับบ้าน สุดท้ายแล้วแม่ตาย พอแม่ตายนะ ตกนรกอเวจี ตกนรกอเวจีไปแผดเผาอยู่นั่น ใช้เศษบุญเศษกรรมขึ้นมา แล้วเวลามาเกิดเป็นมนุษย์ใหม่ไง พอเกิดเป็นมนุษย์ใหม่ก็สร้างสถานะสร้างความปรารถนาอยากเป็นพระอัครสาวกเบื้องซ้าย ต้องได้สร้างบุญกุศลมา ถ้าไม่ได้ทำมานะ จิตใจอ่อนแอ

เราสังเกตได้ไหมเวลาบางคนจิตใจอ่อนแอมาก จิตใจของคน ไม่ต้องให้คนมาหลอกหรอก มันวิ่งไปให้เขาหลอกเลย บางคนพูดเท่าไรมันก็ไม่เชื่อ คำว่า ไม่เชื่อ” นะ อย่าให้ไม่เชื่อโดยความเป็นทิฏฐิมานะ เราจะไม่เชื่อใครด้วยเหตุผลถ้าเหตุผลมันฟังไม่ได้ เหตุผลไม่ดีงาม เราไม่ใช่คนโง่ที่เราจะไม่เชื่ออะไรโดยทิฏฐิมานะ โดยแบบว่าแข็งทื่อไปอย่างนั้น ไม่ใช่ เราต้องมีสติมีปัญญาของเรา เห็นไหม

เขาได้ใช้เวรใช้กรรมของเขาหมดแล้ว แล้วเวลาใช้เวรใช้กรรมหมดแล้วนะ สร้างบุญกุศลมาขนาดนั้นมาเป็นอัครสาวกเบื้องซ้ายและเบื้องขวา เวลาเป็นติสสะที่มาเฝ้าพระพุทธเจ้า “นั่นไง อัครสาวกเบื้องซ้ายเบื้องขวาของเรามาแล้ว” ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้ประพฤติปฏิบัติเป็นพระอรหันต์นะ ได้ฟังเทศน์ของพระอัสสชิมาเป็นพระโสดาบันมาไง เวลามาสั่งสอนจบสิ้นจนเป็นพระอรหันต์ขึ้นมาแล้วตั้งให้เป็นอัครสาวกเบื้องซ้ายและเบื้องขวาไง

พระทั่วไปติฉินนินทา “ทำไมไม่ตั้งพระอัญญาโกณฑัญญะ” อย่างพวกเราคิดหมดน่ะ เด็กๆ คิดหมดน่ะ ถ้าจะตั้งอัครสาวกต้องตั้งพระอัญญาโกณฑัญญะเพราะพระอัญญาโกณฑัญญะเป็นสงฆ์องค์แรกของโลก

แต่พระอัญญาโกณฑัญญะท่านสร้างบุญของท่านมาอย่างนั้น ท่านเอาหลานท่านมาบวช พระปุณณมันตานีบุตรเป็นพระอรหันต์เท่านั้น แล้วท่านอยู่ในป่าในเขาตลอดเลย พระอรหันต์อยู่ในป่าในเขา อยู่กับพวกเทวดา อินทร์ พรหม เขาอยู่ด้วยความสุข เขาไม่อยู่กับคนขี้เหม็น เขาอยู่กับเทวดา อินทร์ พรหมในความจริงไง นี่ไง นี่ก็วาสนาของเขา

ไอ้พวกเรานะ นี่ไง เวลาบอกว่าพระโมคคัลลานะเคยฆ่าพ่อฆ่าแม่มา มันเขียนมาถามเลย “หลวงพ่อนี่สติไม่ดี พระโมคคัลลานะขนาดนั้นมาเป็นอัครสาวกเบื้องซ้ายเบื้องขวาได้อย่างไรเพราะต้องใช้เวรใช้กรรม”

ใช้เวรใช้กรรมแน่นอน แต่เขาใช้เวรใช้กรรมมาแล้ว ทีนี้มันน่าสะเทือนใจไง มันน่าสะเทือนใจเวลาท่านจะเสียชีวิต เห็นไหม เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเผยแผ่ธรรมนะ มันสุดยอด มันปราบปรามลัทธิต่างๆ หมดสิ้น ทีนี้ไอ้พวกลัทธิต่างๆ มันจะทำลายไง มันจะทำลาย ทำลายใครก่อน ทำลายคนที่มีฤทธิ์ เป็นมือเป็นเท้าขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก่อน จ้างคนให้มาทุบพระโมคคัลลานะ ท่านก็เหาะหนี เหาะหนีอยู่สองรอบ พอรอบที่สามท่านพิจารณาของท่านเอง เพราะท่านเป็นพระอรหันต์มีฤทธิ์มาก “อ๋อ! เวรกรรมของเราเอง” กำหนดให้เขาทุบจนตาย นี่เศษ เศษกรรมนะนี่ เพราะใช้หมดแล้ว ลงนรกอเวจีมาแล้ว เพราะอะไร เพราะเชื่อเมีย เมียมันเป่าหู นี่ไง สิ่งที่เป็นเรื่องโลกๆ เห็นไหม

พูดถึงวันนี้วันพระๆ วันพระเราฟังธรรม ฟังธรรมขึ้นมานะ เราไม่ใช่บอกว่าในบ้านเราทั้งสามีภรรยาคนใดไม่ดีนะ เราต้องมีสติปัญญาด้วยกันทั้งสิ้น แต่ถ้าบุญกุศลนะ ถ้าสามีภรรยามีทิฏฐิมานะมีความเห็นเสมอกันนี่บุญมากๆ บุญของเราที่สร้างมานะ สามีภรรยาลูกเต้าในบ้านคุยกันรู้เรื่องอบอุ่น อู๋ย! สุดยอด นี่คือบุญแท้ๆ บุญที่ดีคือบุญ นี่นามธรรมๆ สิ่งที่ความสุข ความสุขในหัวใจไง แล้วทรัพย์สมบัติมันมาทีหลัง

ไอ้ความเข้าใจกันแล้ว จะทำสิ่งใดมันก็สะดวกสบายใช่ไหม ใครจะไปทำหน้าที่การงานสิ่งใดมันก็ไม่มีความระแวงเลย จะไปไหนไปได้หมด ทำอะไรทำได้ทั้งหมด แล้วมันซื่อสัตย์สุจริตทั้งหมด ทำอะไรได้มาด้วยคุณงามความดีทั้งหมด

โอ้โฮ! ระแวงกันไปหมด ทำอะไรทิ่มหน้าทิ่มหลัง โอ๋ย! วุ่นวายไปหมด จะออกไปทำหน้าที่การงานก็ไม่ได้ จะทำอะไรก็ไม่ได้ มันห่วงหน้าพะวงหลัง ไอ้นู่นยุ ไอ้นี่แหย่ อู๋ย! ปวดหัว ทุกข์ นี่ทุกข์นะ นี่พูดถึงทุกข์

ถ้าจะหล่อพระๆ หล่อพระภายใน นี่พระภายนอก วันนี้วันพระ เวลาไปหล่อพระ ประกาศ โอ้โฮ! หล่อพระแล้วจะได้บุญกุศลมหาศาล...ใช่ มันก็ได้บุญกุศลเพราะเราสร้างถาวรวัตถุในพระพุทธศาสนา ใครมากราบมาไหว้เราก็ได้บุญไปด้วย

แต่ถ้าเรามีศีล มีสมาธิ มีปัญญา รักษาหัวใจของเราให้เป็นพระขึ้นมา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นตถาคต ถ้าจิตสงบระงับเข้ามานะ เห็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ารางๆ ถ้ามันมีปัญญาขึ้นมา ใคร่ครวญของมันขึ้นมา นี่มันหล่อมันทำของมันขึ้นมาไม่ให้กิเลสมาปลิ้นมาปล้อน นี่เวลาจะหล่อพระ จะหล่อพระมันก็ผลักมือตบมือให้เราทำให้เสียหายไปหมด

ถ้ามันเป็นสัจจะเป็นความจริงขึ้นมา มรรคสามัคคี มันสมดุลมันพอดีของมัน หล่อออกมานี่สวยงาม มัชฌิมาปฏิปทา มัชฌิมาปฏิปทาคืองานชอบ เพียรชอบ ระลึกชอบ ความชอบธรรม มัชฌิมาปฏิปทา ทางสายกลางๆ กิเลสมันพูดแล้วมันอ้าง ทางสายกลางก็ตรงกลางนี่ ถ้าเขาขุดหลุมพรางไว้ตกตายเลย ตรงกลางนั่นน่ะ แต่ถ้าดำริชอบ งานชอบ เพียรชอบ ความชอบธรรมนี้คือมัชฌิมาปฏิปทา มัชฌิมาปฏิปทาคือความถูกต้องดีงาม

ความดีงาม ดีงามของโลกไง การหาอยู่หากินก็ดีงามอันหนึ่งนะ การเลี้ยงดูพ่อแม่ก็เป็นความดีงามอันหนึ่งนะ การเลี้ยงหัวใจนี่สุดแสนอึดอัด มันเครียดมันทุกข์มันยาก เลี้ยงดูหัวใจ แล้วหัวใจถ้ามันปลอดโปร่ง เห็นไหม เวลาเขาพูดกันนะ “ว่างๆ ว่างๆ มีความสุขมาก” สุขอะไร แล้วมีความสุขไว้ทำไม ไม่ต้องมาโม้ ว่างๆ ก็เป็นสมบัติของเอ็ง มันสมบัติส่วนตน ไม่ต้องมาคุยโม้ ถ้าคุยโม้เดี๋ยวเสื่อมหมด

ถ้าเป็นความจริง ความจริงมันเป็นแบบนี้ ครูบาอาจารย์ที่ท่านประพฤติปฏิบัติมาแล้ว ท่านต่อสู้กับกิเลสของท่านแล้ว ท่านได้หักแข้งหักขา ได้ฆ่ามันแล้ว กิเลสในใจของคน แล้วนี่กิเลสในใจของเราล่ะ เราก็มีทั้งนั้นน่ะ เราทำคุณงามความดีก็เพื่อเราไง ไปวัดไปวาขึ้นมา ย้อนกลับมาในหัวใจของเราทั้งนั้น ย้อนกลับมาในหัวใจของพ่อของแม่ ย้อนกลับมาในหัวใจครอบครัวของเรา ในหัวใจไง

หลวงตาท่านพูดประจำ ไปไหนๆ ไปเอาหัวใจคนๆ หัวใจของเรา ความรู้สึกนึกคิดที่ดีงาม ที่มีน้ำใจ ที่ให้อภัยกับคนในบ้าน ให้อภัยกับลูกหลาน ให้อภัยกับสังคม ให้อภัยกับคนที่ทำลายเราได้ด้วย ให้อภัยเขา แล้วก็มีปัญญาด้วยนะ ให้อภัยเขาแล้วก็หลบหลีกให้ดี เดี๋ยวมันมาอีก ให้อภัยเขาแล้วป้องกันตัวนะ ต้องมีสติมีปัญญา ให้อภัย เราไม่ใช่คนโง่ไปตอบโต้ไปหาเรื่อง เราหลบหลีกแล้วพยายามสร้างเนื้อสร้างตัวของเรา

มันเป็นเวรกรรมของสัตว์ สัตว์โลกเป็นไปตามกรรม มันมีเวรมีกรรมมันถึงคิดอย่างนั้น ถึงทำอย่างนั้น แต่ถ้าเรามีกรรมดีๆ ของเรา เราพยายามยับยั้งของเราแล้วสร้างสมกรรมดีของเรา แต่มันต้องกลืนเลือด มันต้องมีจิตใจที่เข้มแข็งให้ชนะกิเลสในใจของเรา นี้จะได้พระแท้ วันพระให้เป็นพระผู้ประเสริฐในใจของเรา เอวัง